Wednesday, December 22, 2010

Ruth

สันติสุขที่แท้จริงคืออะไร?

THAI TRIBE GIRL


“ จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด” (ฟิลิปปี 4 :4)
“ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าเราจะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์” (โยชูวา24 :15)

ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ ซึ่งเป็นพระพรจากพระเจ้า และความทุกข์นั้นทำให้ข้าพเจ้าได้รับสันติสุขที่แท้จริง เมื่อข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในน้ำพระทัยของพระองค์ ข้าพเจ้าจึงรู้ว่าพระองค์อยากเปลี่ยนเรา เพื่อเราจะได้เรียนรู้ว่า เราจะขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณีไหม และเราจะเรียนรู้ยังไงว่าอยากผ่านการทดลองของพระองค์และเปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดี ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะได้รับพระพรหลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้และมีความชื่นชมยินดีในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรแก่ท่าน

ความสุขที่ใครๆก็สร้างได้
เมื่อก่อนข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีสันติสุขในชีวิต แทบจะไม่รู้เลยว่าสันติสุขคืออะไร เพราะข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ใจตั้งแต่เด็กจนโตและข้าพเจ้าต้องรับผิดชอบครอบครัวเกินเด็กทั่วๆไปและข้าพเจ้าเคยมีความคิดว่าความสุขเราสร้างขึ้นเองได้ แต่มันจำกัดจริงๆ เช่นเวลามีเงินสักก้อนหนึ่ง ใครๆก็มีความสุขที่ได้ใช้มัน แต่พอเวลาเงินหมด ก็ไม่มีความสุข เพราะบางคนไปกู้ยืมเขามา บางคนสร้างความสุขจากหลายๆอย่าง เช่น บางคนชอบการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง แต่พอหยุดจากการเที่ยว และทำงานหนัก ก็อยากหาโอกาสเพื่อพักผ่อนหย่อนใจอีก จะเป็นแบบนี้เรื่อยๆไม่มีจุดจบ แปลว่าท่านกำลังหาการพักผ่อนเพื่อใจสงบ และไม่กังวลใดๆในช่วงเวลานั้น แต่พอท่านกลับไปทำงาน ก็มีสิ่งที่หนักใจให้ท่านอีก ท่านเคยคิดไหมว่า อยากจะพ้นจากสิ่งเดิมๆเหล่านี้ ? บางคนมีความสุขกับวัตถุต่างๆในโลกนี้ เช่น รักบ้าน ชอบการตกแต่งบ้าน บางคนชอบการจัดดอกไม้ บางคนชอบการทำอาหาร บางคนชอบการเรียนที่สูงขึ้น บางคนชอบการแต่งตัว บางคนชอบการดูแลรถ และบางคนชอบการมีชื่อเสียง
ยังมีอีกหลายอย่างที่มนุษย์แสวงหาสิ่งที่เขาชอบ แต่ขาดสิ่งหนึ่งนั่นคือ “ มนุษย์ไม่ชอบพระเจ้า” และความสุขที่มนุษย์สร้างขึ้นเองนั้นไม่ถาวร ล้วนอนิจจัง (ปัญญาจารย์2:4-11)

ข้าพเจ้าอยากเล่าเรื่องจากคนๆหนึ่งให้ท่านฟัง ซึ่งเป็นเรื่องจริง มีคนหนึ่งตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนจบ เขาต้องใช้เวลาในการเรียนนั้นหลายปี และต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าจะจบ และแน่นอนเขามีความสุขมากเมื่อมาถึงเวลาที่เขาจะได้รับปริญญา
และในวันนั้นน่าเศร้าใจมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาออกจากงานรับปริญญานั้น เขาจะต้องเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ!
ความสุขที่เราสร้างขึ้นมานั้นไม่ถาวร ท่านเคยคิดไหมว่าท่านอยากได้ความสุข หรือสันติสุขที่ถาวร? ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านอยากจะได้ สันติสุขที่มั่นคงและ แน่นอน

ท่านทราบไหมว่าสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เราขาดสันติสุข?
1. ความกระวนกระวาย
มีหลายท่านกระวนกระวายในชีวิตมาก จนลืมพระสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงเลี้ยงดูเราเหมือนนกและดอกไม้ แต่หลายท่านกลับวางใจในตนเองและมองดูสิ่งที่มองเห็น โดยไม่คำนึงถึงพระเจ้า ถ้าท่านมองพระเจ้า และคำสัญญาของพระองค์ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งท่านเลย มีแต่ท่านที่ทิ้งพระเจ้าเสมอเมื่อมองปัญหา หลายท่านเคยเรียนพระคัมภีร์มาแล้ว แต่ก็ยังมีความกระวนกระวายอยู่ ท่านควรละความกระวนกระวายนั้น และมอบปัญหาของท่านไว้กับพระเจ้า อธิษฐานฝากไว้กับพระองค์ แล้วทุกๆสิ่งจะดีขึ้น พระเจ้าจะจัดการกับปัญหาของท่านที่ท่านทุกข์ใจ ท่านเชื่อในฤทธิ์อำนาจไหม? ท่านเชื่อว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ไหม? ไฉนท่านยังกำปัญหาและทุกข์ใจอยู่? ถ้าท่านเชื่อ พระเจ้าสามารถทำได้ทุกสิ่ง ไม่มีอะไรที่ยากสำหรับพระเจ้า ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างคุณยายของข้าพเจ้า คุณยายของข้าพเจ้าได้อธิษฐานเรื่องหนึ่งฝากไว้กับพระเจ้าซึ่งเป็นเรื่องที่คุณยายทุกข์ใจอยู่ พออธิษฐานเสร็จแล้วคุณยายพูดว่า “ทุกข์ใจจังเลย ” สิ่งที่คุณยายอธิษฐานนั้นกลับไม่เป็นประโยชน์เลย เพราะไม่ได้ทิ้งความกังวล และไม่ได้วางใจในพระเจ้า

มีคริสเตียนหลายท่านก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ในพระคัมภีร์ได้บอกว่า“อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน การวิงวอนกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจทุกอย่าง จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์ ” (ฟิลิปปี 4:6-7)

ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างความเชื่อของ หญิงม่าย2คนในพระคัมภีร์
1.1 หญิงม่ายเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตให้แก่เอลียาห์ (1พงศ์กษัตริย์17:8-14)
หญิงม่ายคนนี้เป็นแบบอย่างให้กับเราคือ เขายอมเชื่อฟังผู้รับใช้ของพระเจ้า และถ้าเขาสงสัยและไม่ยอมให้อาหารของตนกับเอลียาห์ เขากับลูกต้องอดตายเพราะการกันดารอาหาร เช่นกัน เวลาท่านเจอปัญหาท่านได้ปรึกษาผู้รับใช้ของพระเจ้าไหม? และท่านยอมเชื่อฟังสิ่งที่ผู้รับใช้ได้บอกให้ท่านทำหรือไม่? ถ้าท่านสงสัย และไม่เชื่อฟัง ท่านอาจจะเจอสิ่งที่แย่กว่าเดิม เพียงแต่ให้ท่านเชื่อฟังโดยไม่สงสัยเหมือนหญิงม่าย พระเจ้าจะช่วยท่านเหมือนที่พระองค์ทรงช่วยหญิงม่ายกับลูกของเธอ


1.2 น้ำมันหนึ่งไหของหญิงม่าย (2พงศ์กษัตริย์4: 1-7)
หญิงม่ายคนนี้มีหนี้ที่ต้องชำระ อยากจะไถ่ลูกจากหนี้สิน หญิงม่ายคนนี้ปรึกษาเอลีชา และเอลีชาสั่งให้นำภาชนะให้เยอะที่สุดและสั่งให้ปิดประตูและเทน้ำมันใส่ภาชนะที่เตรียมไว้จนเต็มหมดทุกใบ และสั่งให้เอาไปขายเพื่อชำระหนี้ และน้ำมันที่เหลือเอาไว้กิน เช่นกัน ท่านได้เชื่อฟังผู้รับใช้ของพระเจ้าแบบหญิงม่ายไหม? และท่านมีความเชื่อ เหมือนที่หญิงม่ายมีไหม? แน่นอนข้าพเจ้าว่า ถ้าหญิงม่ายสงสัย และไม่มีความเชื่อ เขาคงไม่อยากทำตามสิ่งที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้บอกแก่เขา และเขากับลูกก็ต้องชดใช้หนี้สินด้วยความทุกข์ใจ เวลาที่ท่านเจอปัญหาท่านได้ปรึกษาผู้รับใช้ไหม? ถ้าท่านเชื่อฟังและยอมทำตามโดยที่ไม่สงสัย ข้าพเจ้าเชื่อว่า ปัญหาของท่านจะค่อยๆดีขึ้น เหมือนหญิงม่ายทั้งสองคนและท่านทราบไหมว่านอกจากความกระวนกระวาย ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ท่านขาดสันติสุขนั่นคือ


2. ความขมขื่นในชีวิต และความโกรธแค้น
ข้าพเจ้าเชื่อว่าหลายท่านไม่ทราบเลยว่าความขมขื่นในชีวิตนั้น มันมีอิทธิพลที่รุนแรงมาก สามารถทำให้ท่านขาดสันติสุขในชีวิต และสามารถทำให้คนอยากทำลายวิหารของพระเจ้า(คิดสั้น)ได้ด้วย(ตอนที่ท่านพ่ายแพ้ต่อซาตาน) หลายท่านอาจมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อน กับคนรู้จัก ญาติสนิท หรือแม้แต่คนที่ท่านรัก ในพระคัมภีร์บอกว่า
“โกรธก็โกรธเถิด แต่อย่าทำบาป ” อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่ (เอเฟซัส4:26) เชื่อหรือไม่ความขมขื่นมีรากด้วย ยิ่งนานยิ่งฝังลึก ยากที่จะถอนออก และทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย พระองค์ต้องการให้เรารีบคืนดีกัน ( เอเฟซัส4:31) รากของความขมขื่นทำให้ท่านขาดพระพร และที่สำคัญ พระองค์ต้องการให้ท่านไม่โกรธแค้นใคร เพราะสิ่งต่างๆนี้ได้บังคำอธิษฐานของท่าน เพราะบาปนั้นทำให้พระเจ้าไม่ได้ยินคำอธิษฐานของท่าน สิ่งที่ท่านต้องทำคือ สารภาพบาปทูลขอพระองค์ช่วยถอนรากของความขมขื่นในชีวิต และท่านจะรู้สึกเหมือนมีคนยกภูเขาที่หนักในอกออกไปจากท่าน และท่านจะได้รับสันติสุขที่แท้จริง ข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้มองดูพระเยซู ท่านจะพบว่าพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในชีวิตของเราของการยกโทษ ในขณะที่พระองค์อยู่บนไม้กางเขน พระองค์ได้พูดว่า “ ข้าแต่พระบิดา ขอโปรดอภัยโทษเขา เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร” (ลูกา 23:34)

และโยเซฟเช่นกัน ที่เป็นตัวอย่างในชีวิตของเรา ของการยกโทษ พี่ชายของโยเซฟได้ขายโยเซฟให้เป็นทาสของคนอียิปต์ และเมื่อโยเซฟได้โอกาสเจอพี่ชาย โยเซฟกลับไม่แก้แค้นพี่ชายเลย แต่ดีใจเมื่อเจอพี่ชาย โดยการทรงนำของพระเจ้า โยเซฟให้อภัยแก่พี่ชาย และกอดพี่ชายด้วยความคิดถึงและความรักที่จริงใจด้วยน้ำตา สเทเฟนก็เป็นคนหนึ่งที่เปี่ยมด้วยความรักและให้อภัย ในขณะที่คุกเข่าลงและกำลังจะถูกปาก้อนหินจากคนที่เกลียดชัง สเทเฟนได้ร้องเสียงดังว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขา เพราะบาปนี้ ” (กิจการ7 :60)

มีบุคคลมากมายในพระคัมภีร์ที่เป็นแบบอย่างของการยกโทษให้ผู้อื่น และมีคริสเตียนหลายท่านยังพลาดในจุดนี้ ซาตานรู้ว่าบางคนจะพลาดในการยกโทษให้ผู้อื่น ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่เคยพลาดในจุดนี้ มันมีอิทธิพลต่อข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถมีสันติสุขเลย ซาตานพยายามเล็งในจุดอ่อนของเรา เมื่อมันรู้ว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน มันก็ยิ่งโจมตีเราในจุดนั้น ( 1เปโตร 5:8-9)
และถ้าเรายังปล่อยให้ความขมขื่น หรือการไม่ยกโทษชนะเรา ให้มันมีอิทธิพล จะทำให้ท่านขาดสันติสุข และไม่สะอาดจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทิ้งความบาปนี้ และให้อภัยผู้อื่นเหมือนที่พระเจ้าให้อภัยความบาปของท่าน อธิษฐานขอพระองค์ทรงยกโทษให้ท่าน (1ยน.1:9) และท่านจะได้มีสันติสุขอย่างแท้จริงอีกครั้ง! และท่านจะร้องว่า “ฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า! นับจากนี้ไปข้าพเจ้าจะยกโทษให้ผู้อื่น ”

3. การดำเนินชีวิตที่ไม่พอพระทัยพระเจ้า
การดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดก็ย่อมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท่านไม่มีสันติสุข พระเจ้าให้ท่านมีเสรีภาพ ท่านสามารถทำอะไรก็ได้ สิ่งที่ท่านเลือกทำได้มี 2 อย่าง คือ 1. เลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้า 2. เลือกที่จะไม่เชื่อฟังพระเจ้า ถ้าท่านเลือกข้อ 2 ท่านกำลังขาดสันติสุขในชีวิต และกำลังอยากพ้นจากปัญหาต่างๆที่กำลังรุมเร้าเข้ามาในชีวิตของท่าน เพราะท่านไม่ได้ดำเนินชีวิตที่พอพระทัยของพระเจ้า และพระเจ้าทรงรักท่าน พระองค์ตีสอนท่านเพราะท่านเป็นลูกของพระองค์ เหมือนพ่อตีสอนลูก เมื่อถูกการตีสอนแน่นอนนอกจากท่านไม่มีสันติสุขแล้วบางท่านถึงขนาดบอบช้ำ( สุภาษิต 20:30) และเมื่อท่านเข้าใจในน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น ท่านจะรู้ว่าที่แท้พระเจ้าทรงรักท่านอย่างมากมาย มากกว่ามนุษย์ในโลกนี้ และถ้าท่านรู้ว่าพระองค์ทรงมีพระประสงค์อะไรในชีวิตของท่าน และเลือกการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เชื่อฟังพระองค์ พระองค์จะทรงให้ท่านมีสันติสุขอย่างมากมาย ถ้าท่านเลือกทำข้อ1แปลว่าท่านมีสันติสุขที่เปี่ยมล้นอยู่แล้ว เพราะท่านได้ดำเนินชีวิตที่พอพระทัยของพระเจ้า และท่านกำลังมีผลของฝ่ายพระวิญญาณ (กาลาเทีย5:22-23) และทุกครั้งเมื่อท่านเจอการฝัดร่อนท่านก็เรียนรู้ได้แล้วว่าจะชนะซาตานอย่างไร(ลูกา22:31-32)

4. การที่ท่านไม่พอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่
ข้าพเจ้าเคยเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่มีอยู่ อ.เปาโลสอนเราว่า “...ข้าพเจ้าเรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น...” (ฟิลิปปี4:11-13) ถ้าเราไม่เรียนรู้ในการขอบพระคุณในสิ่งที่มีอยู่ก็ทำให้ท่านไม่มีสันติสุข และตกอยู่ในบ่วงของซาตาน ที่ทำให้ท่านอยากจะมั่งมีร่ำรวยเหมือนชาวโลก ซึ่งเป็นแผนของซาตานที่ทำให้ท่านไม่ได้สนใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณด้วย (โคโลสี3:1-2) มัทธิว6:33 “ แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน” มีคริสเตียนหลายท่านบอกว่า ทำไมเราถึงจนและทำไมชาวโลก ส่วนมากถึงร่ำรวย แท้จริงพระเจ้าของเรานั้นทรงยิ่งใหญ่มาก พระองค์จะทำอะไรก็ได้ เพราะพระองค์เป็นเจ้าของทุกสิ่ง พระองค์ร่ำรวยมากๆ สามารถสร้างทองคำ เพชร พลอย หรือแม้แต่กระดาษ(เงิน)ที่เราจะต้องเอาไว้จับจ่ายใช้สอย พระเจ้าจะให้ลูกของพระองค์มีสิ่งเหล่านี้ก็ได้ แต่เพราะพระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า ถ้าเราได้สิ่งของทั้งหมดในโลกแต่ต้องเสียชีวิต หรือเสียบำเหน็จไป อันไหนสำคัญกว่ากัน ข้าพเจ้าว่า วันนี้หลายท่านอาจจะไม่เข้าใจในน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ในวันที่เราจะต้องอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เราจะรู้ว่าที่แท้ ที่พระองค์ให้เราทนทุกข์มากกว่าชาวโลก เพราะ พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าให้เรานั่นเอง ซึ่งเป็นบำเหน็จที่ถาวรนิรันดร์ แต่ในโลกนี้ก็เช่นกัน พระเจ้ารู้ว่าลูกของพระองค์ต้องการอะไรบ้าง(ที่จำเป็น) และพระเจ้าจะให้สิ่งนั้นแก่ท่านเมื่อท่านได้ทำตามกฎของพระเจ้าก่อนคือ แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า( การนำวิญญาณ)และแสวงหาความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แปลว่า พระเจ้าทรงรู้ว่าจะมีหลายคนที่ทำไม่ถูกต้องนั่นคือ แสวงหาสิ่งต่างๆในโลกนี้ก่อนแสวงหาพระเจ้า ข้าพเจ้าเห็นผู้รับใช้ของพระเจ้า มีสิ่งต่างๆที่จำเป็นเช่นรถยนต์ หรืออะไรต่างๆที่ต้องมีใช้ในงานคริสตจักร สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ง่ายๆเลย เพราะต้องพึ่งในคำอธิษฐาน แต่พระเจ้าสัตย์ซื่อ ตอบคำอธิษฐานและให้ตามคริสตจักรมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการรับใช้ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง เพราะพระองค์อยากให้ท่านมีความเชื่อ และพระเจ้าทรงเลี้ยงดูลูกของพระองค์เสมอ เมื่อพระเจ้าเรียกข้าพเจ้าให้รับใช้พระเจ้านั้น ข้าพเจ้าเคยคิดว่าจะอยู่กินอย่างไร แต่เมื่อข้าพเจ้านึกถึงข้อพระคัมภีร์ มัทธิว6:33 นั้นทำให้ข้าพเจ้ายิ่งวางใจในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น เพราะพระเจ้าทรงนำชนชาติอิสราเอลอย่างไร พระองค์ก็จะทรงนำหน้าเราอย่างนั้นด้วย ตอนนี้ข้าพเจ้าเรียนรู้แล้วที่จะพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์ที่ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าและครอบครัว ทั้งพระพรของพระองค์ รวมทั้งที่พระองค์ตอบคำอธิษฐานของข้าพเจ้า พระพรของพระเจ้านั้นมากมาย สำหรับผู้ที่ทำตามที่พระเจ้าบอกไว้ใน มัทธิว6:33 ถ้าท่านให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของท่าน และสิ่งต่างๆที่จำเป็นนั้นจะตามมาอย่างมากมาย และท่านจะมีสันติสุขที่เกินความเข้าใจของท่านในพระองค์ วันนี้ท่านพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่แล้วหรือยัง?ถ้ายัง ขอให้ท่านรีบขอบคุณพระเจ้า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แล้วสันติสุขจะคุ้มครองในจิตใจของท่านให้ท่านอิ่มใจมากกว่าได้สิ่งของในโลกนี้

THAI BIBLE
5.การขาดอาหารฝ่ายวิญญาณ
ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (มัทธิว 4:4)

มีคริสเตียนหลายท่านขาดการอ่านพระคัมภีร์ที่สม่ำเสมอ เมื่อไม่ได้กินอาหารก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้ เช่นกัน เมื่อท่านขาดการอ่านพระคัมภีร์ ก็ทำให้ท่านขาดความแข็งแรง เวลาที่เจอเชื้อโรคเข้ามาคือ ปัญหาต่างๆหรือการทดลองเข้ามา ก็ไม่สามารถชนะได้ หลายท่านต้องพ่ายแพ้ไป หลายท่านอ่อนกำลังไม่มีเรี่ยวแรง เป็นเพราะท่านไม่ได้กินอาหารฝ่ายวิญญาณนั่นคือพระคัมภีร์ ท่านควรอ่านพระวจนะสม่ำเสมอ เพื่อท่านจะสามารถสู้กับซาตานได้ (1เปโตร 5:8-9)(ยากอบ4:7-8)
และที่สำคัญท่านควรสวมชุดยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าด้วย(เอเฟซัส 6:10-17) ชุดนั้นประกอบด้วย

1. ความรอด = หมวกเหล็กป้องกันศรีษะ
2. ความชอบธรรม = ทับทรวงป้องกันอก
3. ความจริง = เป็นเข็มขัดคาดเอว
4. ข่าวประเสริฐ = สวมเป็นรองเท้า
5. พระคัมภีร์ = เป็นดาบต่อสู้

THAI BIBLE
“...จงต่อสู้กับพญามาร และมันจะหนีไปจากท่าน” (ยากอบ4:7)

ถ้าท่านเตรียมพร้อมสู้ศัตรูของท่าน ท่านจะชนะโดยพึ่งพระเจ้าและถ้าท่านมีสันติสุขในการอ่านพระคัมภีร์ นอกจากท่านจะเข้มแข็งแล้ว ท่านจะเติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณด้วย ท่านเชื่อไหมว่าการ ขาดการประชุมที่สม่ำเสมอ (ฮีบรู10:25) ทำให้ท่านขาดอาหารฝ่ายวิญญาณด้วย เพราะมีหลายท่านไม่ชอบการอ่านพระคัมภีร์เลย รอแต่มาฟังในวันอาทิตย์อย่างเดียว ยิ่งถ้าท่านขาดการประชุม ท่านยิ่งขาดอาหารฝ่ายวิญญาณด้วย ท่านสังเกตต้นไม้ของท่านที่ปลูกไหม? เวลาที่ท่านไม่ได้รดน้ำต้นไม้ งดให้อาหารแก่มัน ในที่สุดต้นไม้นั้นจะเป็นอย่างไร? ต้นไม้นั้นค่อยๆเหี่ยวและแห้งไป และในที่สุดต้นไม้นั้นก็ตาย เช่นกันถ้าท่านขาดการอ่านพระคัมภีร์ ท่านจะเติบโตได้อย่างไร และท่านอาจล้มลงและพ่ายแพ้ต่อซาตาน ข้าพเจ้าอยากให้ท่านรักในการอ่านพระวจนะ แล้วท่านจะได้พบกับสันติสุขอย่างแท้จริง “ พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์ ” (สดุดี 119: 103)

6. ท่านขาดการอธิษฐานที่สม่ำเสมอ
“ จงขะมักเขม้นในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังอยู่ในการนั้นด้วยขอบพระคุณ ” (โคโลสี 4:2)
“อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอนกับการขอบพระคุณแล้วสันติสุขแห่งพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจทุกอย่าง จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟิลิปปี 4:6-7)

การอธิษฐานเป็นเหมือนการหายใจ ถ้าท่านขาดอากาศหายใจท่านจะตาย ถ้าท่านขาดการอธิษฐานท่านก็ขาดพลังในการดำเนินชีวิต การอธิษฐานเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในชีวิตที่ท่านต้องทำประจำ และตามด้วยรักในการอ่านพระวจนะ ดาเนียลเป็นคนที่รักในการอธิษฐาน ถ้าท่านรักในการอธิษฐาน พระเจ้าได้รับเกียรติจากชีวิตของท่านในการอธิษฐานด้วย หลายท่านรับใช้พระเจ้าโดยทางอธิษฐาน ทำให้การงานในคริสตจักรดำเนินไปด้วยดี เช่นกันในครอบครัวควรรักในการอธิษฐานด้วย เพราะซาตานคอยรบกวนเราเสมอ ทำให้ครอบครัวของพระเจ้าแตกความสามัคคีกัน การขาดการอธิษฐานทำให้สามี ภรรยาต้องทะเลาะกัน ทำให้ลูกๆเข้าใจพ่อแม่ผิด ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ และที่สำคัญที่สุด คือทำให้ท่านขาดสันติสุขในชีวิต เพราะท่านกำลังทุกข์ใจจากปัญหาในคริสตจักร หรือจากครอบครัว เพราะท่านขาดการอธิษฐานที่สม่ำเสมอ ซาตานเป็นเสมือนแมลงวัน ที่คอยมารุมท่านเสมอ ท่านต้องคอยไล่แมลงวัน เสมอด้วยคำอธิษฐาน เพราะแมลงวันนั้นจะกลับมารุมตอมเราอีก มันไม่หยุด ฉะนั้นข้าพเจ้าหวังว่าทุกๆท่าน จะคอยไล่แมลงวันนั้น(พญามาร)ด้วยคำอธิษฐานที่สม่ำเสมอของท่าน

ท่านทราบไหมว่าสันติสุขที่แท้จริงคืออะไร?

ความสุขที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น มีมากมาย แต่ความสุขนั้นไม่สามารถยั่งยืนได้เลย และท่านทราบไหมสันติสุขที่แท้จริงคืออะไร?
สันติสุข ที่แท้จริงคือ การที่เราได้รับใช้พระเจ้า นอกจากเราได้สะสมบำเหน็จในสวรรค์แล้ว เราได้รับอะไรๆที่ดีขึ้นในโลกนี้และโลกหน้า( สวรรค์) อดีตข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงการรับใช้พระเจ้าเลย คิดว่าเป็นคริสเตียนคนหนึ่งที่มีหน้าที่ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์เท่านั้น และช่วยกิจกรรมในคริสตจักร ข้าพเจ้าสังเกตผู้รับใช้ของพระเจ้า ตามคริสตจักรต่างๆ และสงสัยว่าทำไมผู้รับใช้ของพระเจ้ามีสันติสุขที่สม่ำเสมอ เหมือนคนที่ไม่ทุกข์ใจในอะไรเลย ผิดต่างจากข้าพเจ้าที่ยิ่งทำงานๆ ทำไมไม่มีสันติสุขเลย ยิ่งได้อะไรเกี่ยวกับเนื้อหนังเพิ่มขึ้น ยิ่งได้ความทุกข์ที่เพิ่มขึ้น และเวลานี้หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ถวายตัว และหัวใจให้กับพระเจ้า ข้าพเจ้ามีความมั่นใจว่าตั้งแต่นี้ไป พระองค์จะเป็นเจ้าของในชีวิตข้าพเจ้าและข้าพเจ้าอยากรับใช้พระเจ้า และทำตามในสิ่งที่พระเจ้าสั่งให้เราทำนั่นคือ ประกาศ ข่าวประเสริฐ นับจากนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าจึงมีสันติสุขที่เปี่ยมล้น และเรียนรู้ในพระคุณของพระเจ้ามากขึ้น ทั้งชื่นชมยินดีในการรับใช้ ถึงแม้ข้าพเจ้าได้เจอปัญหาบ้าง แต่ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะมีสันติสุขเพราะข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าอยากบอกทุกท่านว่าสันติสุขที่แท้จริงอยู่ในพระองค์เท่านั้น ไม่มีอะไรที่มีสันติสุขแทนสันติสุขในพระเจ้า และเมื่อท่านได้ถวายตัวยอมให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของท่าน พระพร รวมทั้งสันติสุขจะคุ้มครองในชีวิตของท่าน
ท่านผู้อ่านที่รัก ข้าพเจ้าหวังว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นพระพรในชีวิตของท่านให้ท่านได้ทราบถึงความสุขและสันติสุขในพระเจ้า และสันติสุขที่นิรันดร์นั่นคือ การรับใช้พระเจ้านั่นเอง !


THAI BIBLE

No comments: