Friday, December 24, 2010

Ruth

แผนการของพระเจ้าสำหรับท่าน





เราพลีชีวิตไม่คิดเสียดาย ท่านมีสิ่งใดถวาย
เราทิ้งยศศักดิ์ทั้งหมดศูนย์เปล่า ท่านทิ้งอะไรเพื่อเรา
เพื่อท่านเราทนความอายเหลือกล่าว ท่านทนอะไรเพื่อเรา
เรานำของดีมายื่นแจกจ่าย ท่านยื่นสิ่งใดถวาย

พระเยโฮวาห์ตรัสว่า เพราะเรารู้เป้าหมายที่เราคิดไว้
สำหรับเจ้า เป็นเป้าหมายเพื่อสันติภาพ ไม่ใช่เพื่อความชั่ว เพื่อจะให้อนาคตตามที่คาดหมายไว้แก่เจ้า (เยเรมีย์ 29:11)
      หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยพระพรของพระเจ้าจากแผนการของพระองค์ พระเจ้ารักท่าน พระองค์อยากช่วยท่านให้ท่านเติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะได้รับพระพรอย่างมากมายหลังจากที่อ่านแล้ว และอาจจะได้เปลี่ยนชีวิตของท่าน ให้ท่านเห็นในฝ่ายวิญญาณมากขึ้น

ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรท่านให้ท่านเรียนรู้ในแผนการของพระเจ้า ต่อชีวิตของท่าน


พระพรจากชีวิตตอนข้าพเจ้ายังเด็ก
และจงให้สันติสุขแห่งพระเจ้าครอบครองอยู่ในใจของท่านทั้งหลาย ในสันติสุขนั้นทรงเรียกท่านทั้งหลายไว้ให้เป็นกายอันเดียวด้วย และท่านทั้งหลายจงขอบพระคุณ(โคโลสี3:15)
ในช่วงชีวิตตอนเด็กสิ่งที่เป็นอันตรายในชีวิตของเรานั่นคือ สิ่งที่ ถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใจของเรา ข้าพเจ้าจมอยู่ในความคิดที่ต่อว่าพระเจ้า “ทำไมพระเจ้าต้องให้ชีวิตของข้าพเจ้าไม่ดีเลย ทำไมข้าพเจ้าไม่มีพ่อ แม่ ทำไมข้าพเจ้าต้องยากจน ทำไมข้าพเจ้าเหมือนถูกทิ้ง ไม่มีใครสนใจชีวิต” ความคิดเหล่านี้เข้ามาอยู่ในใจตั้งแต่เด็กอยู่เสมอ ถ้าเราไม่คิดใคร่ครวญให้ดี มันจะทำลายเรา ในที่สุดมันมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา ทำให้เราไม่อยากคบใคร เป็นเหตุที่ทำให้เราขาดสันติสุขที่แท้จริง (ฟป4:5-7) ข้าพเจ้าเริ่มรู้ว่ามันเป็นความขมขื่นในชีวิต ในที่สุดมันทำลายเรา ถ้าเราปล่อยให้ความคิดจอมปลอมมันมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา (เยเรมีย์17:9) ในช่วงที่ข้าพเจ้ายังเป็นวัยรุ่นอยู่ ข้าพเจ้าเคยมีความคิดอยากตาย ความขมขื่นทำลายชีวิตได้ด้วย วัยรุ่นบางคนเสียสติไปเพราะไม่ได้พึ่งพระเจ้า ซาตานพยายามทำลายเราในความคิดด้วย (เอเฟซัส6:11-17)
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ยังให้ข้าพเจ้ามีลมหายใจอยู่ พระองค์ทรงคุ้มครองข้าพเจ้าเสมอ ถึงแม้ข้าพเจ้าไม่ได้อิ่มท้องเหมือนเด็กทั่วไป ข้าพเจ้ายิ่งขอบคุณพระเจ้าที่มีสุขภาพที่แข็งแรง ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้เรียนรู้ว่าถึงแม้ในชีวิตของเราไม่มีใคร แต่ยังมีพระเจ้าอยู่ ข้าพเจ้ายิ่งขอบพระคุณพระเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้น ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพระพร และเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้หนุนใจผู้ที่ตำหนิพระเจ้า หนุนใจให้คนเหล่านั้นที่คิดว่าตัวเองเดียวดายเหมือนถูกทิ้ง ข้าพเจ้าได้หนุนใจหลายคนที่คิดว่าตัวเองกำพร้าและเก็บความขมขื่นไว้ในใจ
ท่านผู้อ่านเคยมีความคิดแบบข้าพเจ้าไหม? เวลานี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทิ้งความคิดเหล่านี้และสวมความคิดแบบพระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงอวยพระพรท่านให้ท่านเติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ และพระองค์ทรงจัดเตรียมวางแผนการดำเนินชีวิตของเรา ตั้งแต่เรายังเด็กจนถึงเราชรา ข้าพเจ้าอยากให้ท่านผู้อ่านรู้ว่า “พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีต่อเราทุกคน”
“แต่เมื่อเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ผู้ได้ทรงสรรข้าพเจ้าไว้แต่ครรภ์มารดาของข้าพเจ้า และได้ทรงเรียกข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์” (กาลาเทีย 1:15)

พระพรในช่วงของการทำงานและการศึกษา
“ถ้าท่านรับการทรงชุบให้เป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งซึ่งอยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์ทรงประทับข้างขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า จงฝังความคิดของท่านไว้กับสิ่งทั้งหลายที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่กับสิ่งทั้งหลายซึ่งอยู่ที่แผ่นดินโลก” (โคโลสี3:1-2)
ท่านเป็นคนหนึ่งไหมที่กำลังแสวงหาปัญญาของโลกนี้ และเป้าหมายของท่านในชีวิตนี้คืออะไร? ข้าพเจ้าอยากให้ท่านอ่านจากคำพยานของข้าพเจ้าแล้วท่านจะได้พระพร
ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากสิ่งต่างๆเหล่านี้ รวมทั้งการงาน และการศึกษา หลายคนตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้เพราะถูกปลูกฝังจากครอบครัว “โตขึ้นจะได้เป็นจ้าวคนนายคน” การศึกษาเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าจะเป็นสิ่งที่กำหนด ความก้าวหน้า และความมั่นคงของชีวิต ถ้าไม่มีการศึกษาจะทำอะไรไม่ได้เลย ( 1โครินธ์3:18-20 )
คริสเตียนหลายท่านกำลังตกอยู่ในความคิดเหล่านี้ รวมทั้งข้าพเจ้าก็เคยคิดเหมือนกัน ที่แท้เรากำลังตกอยู่ในบ่วงของพญามาร บ่วงของหนี้สิน ข้าพเจ้าคิดเมื่อตอนข้าพเจ้ายังเด็กอยู่ โตขึ้นหนูอยากเป็นคุณครู อยากทำงานราชการ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยคิด “โตขึ้นหนูอยากรับใช้พระเจ้า” ท่านผู้อ่านเคยมีความคิดแบบนี้ไหม? ซาตานพยายามให้เราลืมคิดถึงสิ่งสำคัญของพระเจ้า รวมทั้งงานที่สำคัญของพระเจ้า( มัทธิว28:19) ข้าพเจ้าเคยทำงานเป็นครูสอนเด็กโรงเรียนอนุบาล และเคยทำงานองค์การบริหารส่วนตำบล การทำงานเหล่านี้จำเป็นต้องควบคู่กับการศึกษาที่สูงขึ้น เพื่อปรับตำแหน่งงานให้สูงขึ้นด้วย และนั่นทำให้เราห่างจากพระเจ้ามากขึ้น เพราะบางครั้งเราต้องขาดการนมัสการที่โบสถ์ด้วย (ฮีบรู10:25)
(สุภาษิต23:4) เวลาของเราเริ่มห่างจากพระเจ้า เราเริ่มไม่มีเวลาอ่านพระคัมภีร์ เพราะทำงานก็เหนื่อยแล้ว บางคนเหนื่อยในการเรียนที่สูงขึ้นด้วย และเริ่มไม่มีเวลาให้กับครอบครัว เราเริ่มใช้ชีวิตที่เจาะอยู่กับโลกนี้ซึ่งอนิจจัง(โรม8:5-9) “เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายวิญญาณก็ปักใจในสิ่งซึ่งเป็นของวิญญาณ ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตายและซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข” เราเริ่มไม่สนใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณซึ่งนิจนิรันดร์ และเรากำลังมีนายสองนาย (มธ.6:24) ทำให้รับใช้พระเจ้าไม่เกิดผล(กาลาเทีย 5:16-17)

ข้าพเจ้ายังไม่รู้ถึงการที่จะรับใช้พระเจ้าเพราะการงานกับการเรียนของโลกนี้บังตาข้าพเจ้าอยู่ นึกๆไปข้าพเจ้าเป็นเหมือนบุตรน้อยที่อยากมีชีวิตที่สำราญในโลก(ลูกา15:11-24) ที่เอาแต่ใจตัวเอง แต่พระเจ้าก็ยังรักเรา และพระองค์ให้อภัยเราเสมอ พระองค์ยังรอคอยเรา พระองค์รอเรา เมื่อเราเริ่มสำนึกได้ว่าทำให้พระองค์(พ่อ) เสียใจ เวลานี้ยังไม่สาย ถ้า เราทั้งหลายเป็นลูกของพระเจ้า จริงๆแล้วเราควรใช้ชีวิตอยู่เพื่อช่วยงานของพ่อเรา(พระเจ้า) แต่บ่อยครั้งคริสเตียนหลายคนเป็นเหมือนบุตรน้อยที่ไม่อยากช่วยงานพ่อแต่กลับอยากใช้ชีวิตตามใจตนเอง อยากมีชีวิตที่สำราญในโลก ดูเหมือนบุตรน้อยเบื่อในการงานที่ช่วยพ่อแต่สุดท้ายบุตรน้อยกลับใจ กลับมาหาพ่อ(เพราะซัดเซพเนจรไม่มีใครเป็นเพื่อน ได้กินเศษอาหารของหมูเพื่อประทังชีวิต) กลับบ้านของตัวเองกลับมาอยู่ในครอบครัวของตัวเองด้วยใจสำนึกผิด ข้าพเจ้าอยากให้ท่านรู้ว่าพระเจ้ายังรักเรา ทั้งๆที่เราทำผิด(1ยน.1:9 )ถ้าเราสารภาพ บาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น พระองค์ทรงยกโทษให้เรา พระองค์รอเรา เหมือนพ่อที่รอคอยลูก เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ยังไม่สาย ตลอดที่ลมหายใจของเรายังมีอยู่ เรายังมีเวลาสะสมบำเหน็จ

“เจ้าจะเพ่งตาของเจ้าอยู่ที่ของอนิจจังหรือ เพราะทรัพย์สมบัติมีปีกแน่นอนทีเดียวมันจะบินไปในท้องฟ้าเหมือนนกอินทรี” (สุภาษิต23 :5)
ข้อพระคัมภีร์เพิ่มเติม( กิจการ3: 19 , 3:26 โรม14: 8, 1โครินธ์10: 23, ฟิลิปปี 3 :20-21 )

พระพรหลังจากที่กลับใจและถวายตัวรับใช้พระเจ้า

โรม12:1 “พี่น้องทั้งหลายด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต อันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการปรนนิบัติอันสมควรของท่านทั้งหลาย”

เมื่อข้าพเจ้าเห็นความเป็นและความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าพระเจ้าเริ่มไม่พอพระทัยข้าพเจ้าแล้ว(สุภาษิต20:24)ข้าพเจ้ายังช้าในการตัดสินใจ เมื่อพระเจ้าให้ข้าพเจ้าตาสว่างขึ้น ข้าพเจ้าเริ่มรู้แล้วว่า ถ้าข้าพเจ้าได้สิ่งของเงินทอง,งานหรือทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของข้าพเจ้า จะได้ประโยชน์อะไร (มัทธิว16:25-26)

“ เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตของตนรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตของตน เพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตวิญญาณของตนกลับคืนมา ”

เมื่อวันที่ 12 พย. 2006 เวลา 20.30น. ข้าพเจ้าอธิษฐานขอถวายตัวให้กับพระเจ้า ข้าพเจ้าตัดสินใจยื่นใบลาออกงานราชการ แถมมีหนี้สินจากการเรียนเพิ่มประมาณ 20,000 บาทและหันหลังให้กับสิ่งเหล่านี้ ยอมทำตามพระเจ้า มอบภาระหนี้สินให้กับพระเจ้า(สุภาษิต3: 5-7) เดินตามที่พระเจ้าบอกแล้วเริ่มชีวิตใหม่ ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้า ภาระทุกอย่างพระเจ้าจัดการให้ข้าพเจ้าหมด หนี้สินค่อยๆลดลงทุกเดือน ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่มีเงินเดือนเลย และที่สำคัญพระเจ้าเลี้ยงดูข้าพเจ้าตลอด (เยเรมีย์17: 7- 8) ข้าพเจ้ามีใจรับใช้พระเจ้าแต่ข้าพเจ้าไม่มีเงินเดือนในการรับใช้ ข้าพเจ้าอธิษฐานของานธุรกิจกับพระเจ้า(สุภาษิต16: 3สุภาษิต19:21 สดุดี37:3-5) เริ่มจาก 200 บาท พระเจ้าทรงอวยพระพรให้ข้าพเจ้ามีเพิ่มทวีมากขึ้น อีกสิ่งหนึ่งข้าพเจ้ายืมจักรยานของน้ามาใช้ระหว่างทำธุรกิจเป็นเวลาหนึ่งปีกว่า ข้าพเจ้าอธิษฐานกับพระเจ้าขอรถจักรยานยนต์สักคัน พระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐาน ข้าพเจ้าก็ได้สมดังหวังจริงๆ ข้าพเจ้ามีหลายสิ่งที่พระเจ้าทรงอวยพระพร ข้าพเจ้า อยากหนุนใจให้กับผู้ที่อยากจะรับใช้พระเจ้า ว่า พระเจ้ารู้ทุกสิ่งที่เราต้องการ กาลาเทีย 6: 7-8 พระคัมภีร์ข้อนี้ได้หนุนใจข้าพเจ้ารู้ว่า ข้าพเจ้าควรทำงานให้กับพระเจ้ามากกว่างานในโลก ข้าพเจ้ารู้ว่าพระเจ้าอยากให้ทุกคนสนใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณ และพระองค์อยากให้คริสเตียนทุกคนได้รับบำเหน็จ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าอยากให้ท่านผู้อ่านวิ่งแข่งเพื่อได้รับชัยชนะทุกคน (1โครินธ์9:23-26)

ข้อพระคำเพิ่มเติม (1โครินธ์1:26-28 , 2ทิโมธี2:1,2ทิโมธี2:15 )


ใครบ้างคือผู้รับใช้ของพระเจ้า
ฟิลิปปี1:29 เพราะว่าได้ทรงโปรดแก่ท่าน เพราะเห็นแก่พระคริสต์มิใช่ให้ท่านเชื่อถือในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ท่านทนความทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย
ข้าพเจ้าเคยคิดผิดว่าการรับใช้พระเจ้าต้องถวายตัวให้กับพระเจ้าเต็มเวลา แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าการรับใช้พระเจ้าคืองานอะไรก็ได้ที่เราสามารถทำได้ เพราะพระเจ้าให้เรามีความสามารถที่แตกต่างกัน (1โครินธ์ 12:5-7)เพื่องานของพระเจ้าจะได้สำเร็จ ในเวลาที่เราอยู่ที่ไหน ณ สถานที่ใด เราสามารถรับใช้พระเจ้าได้ เช่น มีใบปลิวอยู่ในกระเป๋าและนั่งรถโดยสารอยู่ถ้าเราไม่กล้าพูดอะไรกับเขาแต่เรายื่นใบปลิวให้เขา ก็เป็นการรับใช้พระเจ้าแล้ว บางท่านเล่นดนตรีได้ บางท่านทำอาหารอร่อย บางท่านชอบทำความสะอาด บางท่านชอบดูแลเด็กๆ บางท่านชอบต้อนรับแขก ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการรับใช้พระเจ้าทั้งนั้น และทุกอย่างที่เราทำนั้นพระเจ้าจดไว้ในหนังสือของพระองค์(1โครินธ์3: 6-9 ) และทุกท่านคือผู้รับใช้ของพระเจ้า(1เปโตร2:9 ) เป็นทูตของพระเจ้า ( 2โครินธิ์5:20 )

พระพรจากชีวิตของโยบ
มีคริสเตียนหลายคนคิดว่า“ทำไมความทุกข์ยากเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นแก่ฉันด้วย” ข้าพเจ้าอ่านในโยบได้รับพระพรมาก โยบเป็นแบบอย่างให้กับคริสเตียนที่เริ่มท้อแท้ หมดเรี่ยวแรงที่จะดำเนินชีวิตต่อไป คริสเตียนหลายคนรวมทั้งข้าพเจ้าด้วยเคยหมดเรี่ยวแรง ไม่มีกำลังใจ และไม่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า ถ้าเราได้ศึกษาชีวิตของโยบแล้ว จะได้กำลังและพระพรอย่างมากมาย

การทดลองที่เกิดขึ้นใครเป็นผู้อนุญาตให้เกิด
(โยบ1:6-12) โยบรักพระเจ้าและซาตานอยากทดสอบความเชื่อของโยบ พระเจ้าอนุญาตให้ซาตานทดลองได้ แต่พระเจ้าไม่อนุญาตให้แตะต้องชีวิตของโยบ นี่เป็นเหตุให้เราได้คิด ถ้าพระเจ้าไม่อนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ซาตานก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราแปลว่าพระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น ฉะนั้นถ้าเราจะมีชีวิตอยู่ หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น

การทดลองเกิดขึ้นเพื่ออะไร ?
พระเจ้ารักเรามาก พระองค์อนุญาตให้สิ่งต่างๆเช่นปัญหาต่างๆ ความทุกข์ใจ ความเจ็บไข้โรคต่างๆ รวมทั้งความตาย เกิดขึ้นแก่เรา เพื่อทดสอบความเชื่อของเรา เหมือนโยบ เพราะพระเจ้ารู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นโยบก็ยังรักพระเจ้าอยู่(โยบ1:21)
และเรามามองดูชีวิตของเรา พระเจ้าให้การทดสอบนี้เพื่อให้เรายึดมั่นในพระเจ้า ไม่ใช่ต่อว่าพระเจ้า พระเจ้าเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พระองค์มีสิทธิที่จะเอาไปหรือมีสิทธิที่จะให้เรา ใน1ธสก.5:18 บอกว่า “จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ เพื่อท่านทั้งหลาย ”ท่านได้ขอบพระคุณสำหรับสิ่งที่ไม่ดีบ้างหรือยัง? ที่พระเจ้าอนุญาตให้บางอย่างเกิดขึ้นแก่เรา พระองค์จะทรงเปลี่ยนชีวิตของเรา เพื่อเราจะได้เป็นภาชนะที่ใช้ได้( 1ธสก.4:3-4) พระเจ้าอยากให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น(ยากอบ2 :22) บางท่านถูกพระเจ้าตีสอน ก็เพื่อให้เขากลับใจเพื่อเขาจะได้สะอาดขึ้นภายใน (สุภาษิต20:30)ถ้าพระเจ้าตีสอนเรานั่นหมายความว่าพระองค์ทรงรักเรา(ฮีบรู12 :5-6 ) ถ้าไม่จำเป็นจริงๆพระเจ้าไม่อยากให้เราถึงขั้น กลับบ้าน(ตาย) และพระองค์ยังทรงมีแผนการที่ดีต่อชีวิตของท่าน พระองค์จะทรงอยู่เคียงข้างท่านเมื่อท่านเลือกทางดำเนินชีวิตที่ผิด พระองค์จะชี้แนะผ่านผู้รับใช้หรือผ่านทางเพื่อนคริสเตียนที่เข้มแข็ง หรือผ่านทางพระคัมภีร์ พระองค์จะทรงตามหาท่านเมื่อท่านหลงทางไป ( ยอห์น10:7-18 )

สิ่งที่ได้รับหลังจากผ่านการทดลอง
ในความรอดนั้นท่านทั้งหลายชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้จำเป็นที่ท่านจะต้องเป็นทุกข์ใจชั่วขณะหนึ่งด้วยการถูกทดลองต่างๆ เพื่อการลองดูความเชื่อของท่าน อันประเสริฐ์ยิ่งกว่าทองคำ ซึ่งพินาศไปได้ ถึงแม้ว่าความเชื่อนั้นถูกลองด้วยไฟ จะได้เป็นเหตุให้เกิดความสรรเสริญ เกิดเกียติและสง่าราศี ในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฎ
เมื่อโยบได้ผ่านการทดสอบจากพระเจ้า โยบได้รับพระพรอย่างมากมาย (โยบ42:12-17)โยบได้ความเข้มแข็งในพระเจ้ามากขึ้น และได้ความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น

ข้าพเจ้าอยากให้ผู้ที่อ่อนกำลังและท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น โปรดมองดูชีวิตของโยบ การทดลองครั้งแรกของโยบ โยบได้สูญเสียสัตว์เลี้ยง คนใช้ชายหญิง สิ่งเหล่านี้ยังไม่เท่ากับการที่โยบสูญเสียลูกๆที่โยบรัก(โยบ1:18-19)เราเคยได้รับแบบโยบไหม? และการทดลองครั้งที่สองของโยบ(โยบ2:4-6) โยบเป็นฝีร้ายตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อมที่ศีรษะโยบทรมาณที่สุด และความทุกข์ระทมของโยบก็ใหญ่ยิ่งนัก ในขณะที่โยบเป็นฝีร้ายโยบก็ยังขอบคุณพระเจ้าสิ่งที่โยบ ตอบให้กับภรรยาในขณะที่ภรรยาบอกให้โยบแช่งด่าพระเจ้า โยบ ตอบภรรยาว่า“เธอพูดอย่างหญิงโฉดจะพึงพูด อะไรกันเราจะรับสิ่งดีจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และจะไม่รับของชั่วบ้างหรือ”นอกจากภรรยาไม่ให้กำลังใจโยบแล้ว เพื่อนๆโยบก็ต่อว่าให้โยบด้วย โยบก็ยังมั่นคงในความเชื่อ แม้ว่าโยบอาจจะท้อใจและไม่เข้าใจพระเจ้า โยบได้สารภาพความผิดต่อพระเจ้า(โยบ42:1-6)โยบได้รู้แล้วว่า“พระเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งได้”พระเจ้าทรงอวยพรโยบในชีวิตบั้นปลายมากยิ่งกว่าเบื้องต้นได้ทรัพย์สมบัติ คนใช้ชายหญิง สัตว์เลี้ยง รวมทั้งได้บุตรชายบุตรหญิงที่ไม่มีหญิงใดงามเท่าบุตรหญิงของโยบ
โยบไม่ได้ทำอะไรผิดในสายตาของพระเจ้า และโยบชอบธรรมในสายตาของพระเจ้าด้วย ซาตานเป็นเจ้าของโลกในตอนนี้(เอเฟซัส6:12,2:2 ) มันอยากทดลองโยบ จึงไปขออนุญาตจากพระเจ้าก่อน และพระเจ้าทรงอนุญาตให้โยบเข้าสู่การทดลองและโยบผ่านด้วยความสัตย์ซื่อและพระเจ้าทรงอวยพระพรแก่โยบในตอนท้าย

ท่านทราบหรือไม่การทดลองและการตีสอนจากพระเจ้านั้นแตกต่างกัน
มีคริสเตียนหลายท่านยังแยกไม่ได้ว่าสิ่งไหนคือการทดลองสิ่งไหนคือการตีสอนจากพระเจ้า การทดลองจากพระเจ้าเป็นแบบโยบ โยบชอบธรรมเพียงแต่พระเจ้าอนุญาตให้เข้าสู่การทดลองที่ใหญ่ยิ่ง แต่ไม่ถึงกับเสียชีวิต พระเจ้ารู้แล้วว่าโยบสัตย์ซื่อ รู้ก่อนที่โยบยังไม่เข้าสู่การทดลอง พระเจ้าทรงเป็นผู้สัพพัญญู พระองค์ทรงรู้ถึงอนาคตของโยบ เพื่อนๆของโยบยังแยกไม่ได้ว่าสิ่งไหนคือการทดลองจากพระเจ้าและสิ่งไหนคือการตีสอน ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหลายท่านเคยเข้าสู่การทดลองจากพระเจ้าโดยเฉพาะผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในพระเจ้าเช่นโยบ การทดลองจะเข้าสู่ผู้รับใช้ระดับผู้นำในคริสตจักรด้วย เรารู้อยู่แล้วว่าซาตานคือผู้ขัดขวางงานของพระเจ้า มันอยากทำลายงานของพระเจ้าและมันอยากให้คริสเตียนอ่อนแอและไม่อยากต่อสู้ต่อไปเพื่อรับบำเหน็จ การตีสอนจากพระเจ้านั้นเพราะพระองค์รักเราพระองค์จะตีสอนเราเพื่อเราจะได้เป็นคนที่ดีขึ้น( เหมือนพ่อตีสอนลูกฮีบรู12: 5-6 ) ทุกครั้งเมื่อเราทำผิดพระองค์จะทรงชี้แนะเราผ่านทางการตีสอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ เราอาจจะทำบาปที่พลั้งเผลอหรือเราอาจจะตั้งใจทำบาป ทุกๆสิ่งเหล่านี้พระเจ้าไม่เคยเว้นแม้แต่นิดเดียว 1เปโตร 3: 13 ถ้าท่านทั้งหลายใฝ่ใจประพฤติความดี ใครผู้ใดจะทำร้ายท่านได้(ยากอบ5:10-11)

สาเหตุอะไรบ้างที่พระเจ้าตีสอนเรา

ฮีบรู12:5-6 และท่านได้ลืมคำเตือนนั้นเสียซึ่งได้เตือนท่านเหมือนกับเตือนบุตรว่า บุตรชายของเราเอ๋ยอย่าดูหมิ่นการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าระอาใจเมื่อพระองค์ทรงติเตียนท่านนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีผู้นั้น
สุภาษิต13:13 บุคคลผู้ดูหมิ่นพระวจนะจะถูกทำลาย แต่บุคคลผู้เกรงกลัวพระราชบัญญัติจะได้รับบำเหน็จ
สุภาษิต13:15 ความเข้าใจที่ดีก็ได้รับความโปรดปราน แต่หนทางของคนละเมิดก็ยากนัก
สุภาษิต14:27 ความยำเกรงพระเยโฮวาห์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกจากบ่วงของความมรณาได้
สุภาษิต15:10 ผู้ที่ทอดทิ้งทางดีนับว่าการทำโทษเป็นสิ่งที่หนักใจ บุคคลผู้เกลียดคำเตือนสติจะตายเปล่า
ฮีบรู10:38 แต่คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่ในความเชื่อ แต่ถ้าผู้ใดเสื่อมถอย ใจของเราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย
ข้อพระคัมภีร์ที่ยกเป็นตัวอย่างเหล่านี้ เป็นเหตุที่ทำให้เราถูกพระเจ้าตีสอน ยังมีอีกหลายสาเหตุที่อยู่ในพระคำของพระเจ้า ข้าพเจ้าได้รับภาระใจพิเศษจากพระเจ้านั่นคือ ท่านได้พิจารณาตนเองหรือยัง?

พิจารณาตนเอง EXAMINE YOURSELF
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกินมหาสนิท( 1โครินธ์11:27-28 ) เราชอบพิจารณาผู้อื่นเสมอ เราไม่ชอบดูตัวเราเองว่าเป็นคนอย่างไร เราชอบตำหนิผู้อื่นจนลืมตำหนิตัวเอง( มัทธิว7:3-5) ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่เคยทำบาปอันนี้ เมื่อข้าพเจ้าไม่ได้ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหลายท่านที่เคยพลาดในจุดนี้ และเป็นสิ่งที่คริสเตียนชอบทำบาปอันนี้มากที่สุด แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้าท่านประกอบด้วยพระ
วิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจะรู้สึกเสียใจที่ตัวเราชอบตำหนิผู้อื่น แต่ถ้าเราไม่รู้สึกเสียใจเลย และชอบทำเรื่อยๆ และไม่ได้สารภาพกับพระเจ้า แหละนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ถูกพระเจ้าตีสอนด้วย เมื่อเรารู้ว่าเราทำให้พระเจ้าเสียใจแล้วเราควรทำยังไร

ทูลขอพระเจ้า ASK GOD
มัทธิว7: 7-8 มันเป็นสิ่งที่ยากมากที่เราจะพิจารณาตัวเราเอง แต่ไม่ยากสำหรับพระเจ้าถ้าเราทูลขอพระเจ้าเพื่อช่วยเราที่จะเปลี่ยนตัวเอง ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนผู้อื่น ข้าพเจ้าอยากให้ทุกท่านส่องกระจกทุกๆวัน( อ่านพระคัมภีร์) เพื่อเราจะได้เห็นสิ่งผิดปกติของเรา อีกประการหนึ่งพระเจ้าอยากให้เราถ่อมใจมากกว่าการหยิ่งผยองในความดีของตัวเอง ( 2โครินธ์10:17-18 ) เพราะพระเจ้าต่างหากเป็นผู้ที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น (ทิตัส3: 5)ไม่ใช่เราเป็นคนทำ เมื่อเราพิจารณาตัวเรา ทูลขอพระเจ้า และเห็นสิ่งที่ผิดปกติ เราควรจะทำอย่างไรต่อไป

สารภาพบาป CONFESS OUR SINS
เมื่อเราได้อ่านพระคำของพระเจ้า เราจะเห็นสิ่งที่ผิดปกติในตัวเรา และเมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัยในชีวิตของเรา เราควรสารภาพกับพระองค์อย่างจริงใจ(1ยน 1:9) และพระเจ้าต้องการให้เราทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และเมื่อเราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระองค์แล้ว ท่านจะมีชีวิตที่มีสันติสุข ไม่ต้องคอยกลัวการตีสอนจากพระเจ้าอีก และเท่านั้นไม่พอท่านยิ่งจะได้พระพรซ้อนพระพรจากพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงนำหน้าการดำเนินชีวิตของท่าน และเมื่อท่านสารภาพความผิดบาปต่อพระเจ้าแล้ว ท่านจะประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

การประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ BE FILLED WITH THE SPIRIT
“พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ”ทิตัส 3:5
เมื่อท่านประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจะแยกแยะสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้( 2ทิโมธี2:15 ) เมื่อท่านประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ทำบาป และท่านจะชนะความบาปโดยพึ่งพระเจ้า ( ยอห์น3: 20-21)
และท่านไม่ต้องกินน้ำนมต่อไป ( โรม15:13-14 ) แต่ท่านกำลังถูกพระเจ้าสร้างท่านให้เติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ และท่านจะไม่เป็นคนที่รับการปลอบประโลมใจจากคนอื่นแล้ว เพราะท่านกำลังปลอบประโลมใจผู้อื่น (2โครินธิ์1:3-4 ) นอกจากนั้นท่านจะมีใจที่อยากขวนขวายกระทำการดี และอยากทำตามสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับภาระใจจากพระเจ้า นั่นคือ การบังเกิดใหม่ในฝ่ายจิตวิญญาณ ท่านบังเกิดใหม่ในฝ่ายวิญญาณหรือยัง?

คุณต้องบังเกิดใหม่อีกครั้ง YOU MUST BE BORN AGAIN
ผู้ใดบังเกิดจากพระเจ้า ผู้นั้นไม่กระทำบาป เพราะเมล็ดของพระองค์ดำรงอยู่ในผู้นั้น และเขากระทำบาปไม่ได้ เพราะเขาบังเกิดจากพระเจ้า 1ยอห์น3:9

“แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดี มิใช่เพราะท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้น ทำให้ท่านกลับใจใหม่ เพราะว่าท่านได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้ผลร้ายจากเราเลย เพราะว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้าย่อมกระทำให้กลับใจใหม่ ซึ่งนำไปถึงความรอดและไม่เป็นที่น่าเสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำไปถึงความตาย จงพิจารณาดูว่า ความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้ากระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่ และการโกรธแทน ความกลัว ความปรารถนาอย่างยิ่ง ความกระตือรือร้น การแก้แค้น ในทุกสิ่งเหล่านั้น ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ท่านก็หมดจดในการนี้แล้ว” (2โครินธ์7:9-11)

ผู้ใดกล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินตามทางที่พระองค์ทรงดำเนินนั้นด้วย (1ยน 3:6)
มีคริสเตียนหลายท่านพูดว่า เราเชื่อพระเยซู แต่ข้าพเจ้าว่าใครๆก็พูดได้ว่าเชื่อพระเยซู ถ้าเราเชื่อในพระเยซูอย่างแท้จริง การดำเนินชีวิตของเราก็ต้องดำเนินตามแบบพระเยซูด้วย และยังมีผู้ที่บอกว่าเชื่อพระเยซูแล้ว แต่ยังไม่ได้บังเกิดใหม่เลย ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่าง มีผู้หนึ่งบอกว่าฉันเชื่อพระเยซูแล้ว แต่การดำเนินชีวิตไม่ได้เป็นแบบพระเยซูเลย กินเหล้า เที่ยวผับ เที่ยวบาร์ติดการพนันอยู่ ข้าพเจ้าว่าผู้นั้นยังไม่ได้บังเกิดใหม่ในฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง เมื่อท่านได้ต้อนรับพระเยซูเข้ามาอยู่ในใจ ท่านจะถูกการเปลี่ยนแปลงใหม่ ถูกสร้างใหม่ตามแบบของพระเจ้า ชีวิตของท่านจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ(1เปโตร4:1-4) สำหรับผู้ที่ติดเหล้า หรือบุหรี่ พระเจ้าจะเปลี่ยนท่านให้ดีขึ้น ทุกสิ่งที่ไม่ดีของท่านจะค่อยๆลดลง แล้วท่านจะได้รับชัยชนะโดยพึ่งพระเจ้า ( ทิตัส3:5 ) ทุกๆสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา ขึ้นอยู่กับท่านและพระเจ้า พระเจ้าจะดูท่าทีของท่านว่า ท่านอยากเปลี่ยนแปลงไหม หรือท่านยังรักความบาปของท่านอยู่ ถ้าท่านบังเกิดใหม่อย่างแท้จริงท่านจะรู้สึกแบบพระเจ้า(1เปโตร1:23) พระเจ้าเกลียดความบาป พระเจ้ามีความรัก โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่รอด พระเจ้าเป็นห่วงคนที่ยังไม่รอดอย่างมาก พระองค์อยากใช้ท่านให้ท่านประกาศข่าวประเสริฐแก่ผู้ที่ยังไม่เชื่อ ถ้าท่านมีพระเจ้าอย่างแท้จริงท่านจะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ทำบาป และท่านอยากจะชนะเหนือความบาปนั้น อดีตข้าพเจ้า เติบโตขึ้นในครอบครัวคริสเตียน แต่ข้าพเจ้ายังไม่ได้บังเกิดใหม่ ข้าพเจ้าเคยใช้ชีวิตเหมือนชาวโลก และเคยทำบาปโดยไม่รู้สึกเสียใจ(รักความบาป) ข้าพเจ้าอยากถามท่านว่า ท่านแน่ใจว่าได้บังเกิดใหม่แล้วหรือยัง? ท่านได้ดำเนินชีวิตสมกับเป็นลูกของพระเจ้าแล้วหรือยัง? ถ้าท่านมีความรู้สึกแบบคำถามนี้แปลว่าท่านได้บังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณแล้ว เพราะท่านกำลังมีผลของฝ่ายวิญญาณ(กาลาเทีย5:22) และควบคู่ไปกับความเชื่อคือการขวนขวายกระทำการดี
“ เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าที่นำไปถึงความรอด ได้ปรากฏแก่คนทั้งปวงแล้ว สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบันนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ อย่างชอบธรรม และตามทางพระเจ้า คอยความหวังอันมีสุขและการปรากฏอันทรงสง่าราศีของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง และพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ได้ทรงโปรดประทานพระองค์เองให้เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากความชั่วช้าทุกอย่าง และทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นหมู่ชนพิเศษเฉพาะของพระองค์ และเป็นคนที่ขวนขวายกระทำการดี”
( ทิตัส2:11-14)
และท่านอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้พระเจ้า เพราะพระองค์จะใส่ภาระใจของพระองค์ในตัวท่าน และท่านจะมีใจที่ร้อนรนในการรับใช้ และมีใจขวนขวายกระทำการดี และรักษาใจให้บริสุทธิ์ผ่านการสารภาพกับพระเจ้าทุกวัน(1เปโตร1:15) และรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูด้วยใจจดใจจ่อ ( 1เปโตร4:7 ) ท่านพร้อมหรือยัง ถ้าพระเยซูจะมาในเร็วๆนี้? ท่านตื่น หรือหลับอยู่? ข้าพเจ้าอยากบอกทุกๆท่านว่าวันเวลาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว เพราะเราดูจากสถานกราณ์ของโลกในตอนนี้ ไม่ว่าน้ำท่วมที่รุนแรงที่ต่างประเทศ มีแผ่นดินไหวที่ติดต่อกัน มีคนตายมากมายจากเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ และยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ ท่านเป็นห่วงดวงวิญญาณของคนเหล่านั้นไหม?

ความสัตย์ซื่อของโยเซพ
ข้าพเจ้าได้พระพรจากชีวิตของโยเซพ และอยากให้เป็นพระพรแก่ท่านผู้อ่าน เพื่อท่านจะได้รับกำลังในการดำเนินชีวิตของท่าน ปฐมกาลบทที่37 โยเซพเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทในพระคัมภีร์ในการดำเนินชีวิตที่ดี และเราสามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของเราได้ พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีต่อครอบครัวของโยเซพ เป็นคำถามมากมายสำหรับคริสเตียนหลายท่านว่า ทำไมสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นแก่โยเซพ แต่ข้าพเจ้าว่านั่นเป็นแผนการของพระเจ้าต่อเหตุการณ์ต่างๆซึ่งเราไม่สามารถจะอธิบายถึงพระปัญญาอันล้ำเลิศของพระเจ้า ทำไมพี่ชายของโยเซพต้องขายโยเซพให้ไปเป็นทาสในอียีปต์ เพราะพระองค์รู้ว่าจะเกิดการกันดารอาหาร ข้าพเจ้าใคร่ครวญดูในชีวิตของโยเซพ โยเซพสัตย์ซื่อและเป็นคนดีและโยเซพรักพระเจ้า พึ่งพระเจ้าด้วย เมื่อโยเซพเป็นทาสของโปทิฟาร์ โยเซพถูกภรรยาของโปทิฟาร์ใส่ร้ายทั้งๆที่โยเซพไม่ได้ทำผิดเลย และนั่นก็เป็นแผนการของพระเจ้าเพื่อให้โยเซพได้สิ่งที่ดีกว่า ในชีวิตเบื้องต้นของโยเซพก็ไม่แตกต่างจากโยบเพราะความทุกข์นั้นก็พอๆกัน แต่คนละแบบเริ่มต้นถูกขายเป็นทาส และถูกใส่ร้ายได้ติดคดีไปอยู่ในคุก ในขณะที่อยู่ในคุกโยเซพก็ยังสัตย์ซื่อ พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่การงานของโยเซพ (39:21-23) แล้วมีพนักงานของกษัตริย์ต้องเข้ามาอยู่ในคุกด้วย และนั่นก็เป็นแผนการของพระเจ้า ซึ่งโยเซพก็ได้ทำนายฝันให้เขาทั้งสอง และความฝันนั้นทำให้โยเซพได้ทำนายฝันให้กษัตริย์ด้วย พระเจ้าสถิตอยู่กับโยเซพไม่ว่าจะอยู่ในคุก ไม่ว่าเป็นทาส พระเจ้าทรงอวยพระพรในการงานที่ทำ และจากเป็นทาสรับใช้ที่ต่ำต้อย และเป็นนักโทษ ก็ได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์ให้ดูแลทั่วประเทศเป็นตำแหน่งที่สูงมาก เมื่อข้าพเจ้าใคร่ครวญดูจากชีวิตของโยบและโยเซฟ คล้ายๆกัน ท่านทั้งสองต้องทนทุกข์กับปัญหาต่างๆ และการทดลองต่างๆ และเมื่อผ่านกับปัญหาต่างๆเหล่านั้นด้วยความสัตย์ซื่อในพระเจ้า ยึดมั่นในพระเจ้า พระเจ้าทรงอวยพระพรในชีวิตบั้นปลายเหมือนกัน โยบได้ทุกสิ่งกลับคืนมาเป็นสองเท่า โยเซพได้เกียติยศ ความมั่งคั่ง และนั่นทำให้เราได้พระพรว่า ถ้าท่านอดทน และผ่านการทดลองต่างๆพระเจ้าจะทรงอวยพระพรท่านทวีมากขึ้น เหมือนโยเซพและโยบ เช่นกัน

ในตอนท้ายนี้ข้าพเจ้าหวังว่าทุกๆท่านได้รับพระพรหลังจากที่อ่านแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นภาระใจพิเศษจากพระเจ้า ซึ่งทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เป็นพยานนั้นเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริง และเมื่อข้าพเจ้าได้มาคิดใคร่ครวญชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงรู้ว่าพระเจ้าทรงรักเราอย่างมากมาย และพระองค์ทรงมีแผนการที่ดีต่อข้าพเจ้าและต่อท่านด้วย เพราะพระองค์รู้ว่าวันหนึ่งข้าพเจ้าจะได้หนุนใจผู้อื่นหลังจากที่ข้าพเจ้าได้บังเกิดใหม่แล้ว และข้าพเจ้าอยากให้ทุกท่านขอบพระคุณสำหรับทุกกรณี พระเจ้าอยากให้ทุกๆท่านได้บำเหน็จ เมื่อเราผ่านการทดลองของชีวิตในโลกนี้ รางวัลในสวรรค์รอท่านอยู่ เป็นรางวัลที่นิรันดร์ ข้าพเจ้าอยากให้ทุกท่านรีบสะสมบำเหน็จ และเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน เพราะเรารู้แล้วว่าวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว (ยากอบ5:8) ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรแก่ทุกๆท่าน

แต่ขอท่านทั้งหลายจงเจริญขึ้นในพระคุณและในความรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา สง่าราศีจงมีแด่พระองค์ ทั้งในปัจจุบันนี้ และตลอดไปเป็นนิจ เอเมน

************************* ข้อพระคัมภีร์มาจากพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์*************************

No comments: